Breaking News

Krungthai COMPASS มองว่าการติดลบของเงินเฟ้อครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ยังไม่ใช่การเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากระดับราคาสินค้าและบริการยังปรับลดลงไม่กระจายวงกว้าง (Broad-based) และปัจจัยของการปรับลดลงมาจากฝั่งราคาพลังงานซึ่งต่ำกว่าปีก่อน3 โดยเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวก อนึ่งยังต้องติดตามผลจากการทะลักของสินค้าจีนที่เข้ามารุกตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงด้านต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อของไทย ทั้งนี้ Krungthai COMPASS คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ 0.7% จากผลของฐานราคาพลังงานเป็นสำคัญ รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่แผ่วลงและผลของสงครามการค้าที่มีความไม่แน่นอนสูง  KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้า นโยบายการเงินที่ยังคงตึงตัว และแรงกดดันจากมาตรการภาษีระหว่างประเทศ ส่งผลให้ปรับลดเป้าหมายดัชนี SET ปี 2025 ลงเหลือ 1,230 จุด จากเดิม 1,460 จุด ซึ่งสะท้อนอัพไซด์เพียง 5% จากระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงที่ดัชนีจะปรับระดับลงไปทดสอบ 1,000 จุด ซึ่งอาจกระตุ้นให้ภาครัฐต้องออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจ

พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ทุ่มงบ 6,500 ล้าน ผุดนิคมฯ บนทำเล EEC ต่อยอดเติบโต

พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ทุ่มงบ 6,500 ล้าน ผุดนิคมฯ บนทำเล EEC ต่อยอดเติบโต
1
เขียนโดย intrend online 2025-05-15

กรุงเทพฯ, 15 พฤษภาคม 2568 – พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) ในเครือ บมจ.มั่นคงเคหะการ ผู้พัฒนาและบริหารโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (Bangkok Free Trade Zone: BFTZ) เปิดแผนยุทธศาสตร์ ‘2025 Transformative Growth Mission...พันธกิจพลิกเกมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนระยะยาว’ ประกาศความพร้อมในการนำพาอาณาจักร ‘มั่นคงเคหะการ’ หรือ ‘MK’ มุ่งสู่การเติบโตที่มั่นคงยิ่งขึ้น เดินเกมต่อยอดธุรกิจ ทุ่มงบลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง พื้นที่รวม 1,000 ไร่ บนทำเลศักยภาพ EEC ปักธงสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ เสริมแกร่งรายได้ทั้งจากการเช่าและการขายที่ดินในนิคมฯ นอกจากนี้ ยังเตรียมขายทรัพย์สินเข้าสู่กอง PROSPECT REIT มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2568

ปรับกระบวนทัพเครือมั่นคงฯ ชู พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ประจำ

ภายหลังการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของเครือ MK ด้วยการวางทิศทางการดำเนินงานใหม่ ชูธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจหลัก โดยในปีที่ผ่านมา PD มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 47% ของรายได้รวมของกลุ่ม MK และสร้างสัดส่วนกำไรขั้นต้นคิดเป็น 54%

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีที่ดิน (แลนด์แบงก์) มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท อยู่ต่างจังหวัด มีแผนขายที่ดินออกทั้งหมด โดยสินค้าบ้านที่อยู่อาศัยกว่า 800 หลัง รอการขายมีมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาต่อไปให้แล้วเสร็จใน 2-3 ปี ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ซื้อที่ดินใหม่ เพราะไม่พัฒนาโครงการอสังหาแนวราบแล้ว ต่อไปกลุ่ม MK จะเหลือแค่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมสร้างรายได้กำไร ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD)จะกลายเป็นธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งที่สุด และจะเป็นผู้สร้างกำไรที่เป็นสัดส่วนหลัก 80-90% ของกลุ่มบริษัท

“พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ คือ เรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ประจำของกลุ่ม MK โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบเผชิญความท้าทาย การปรับโครงสร้างบริษัทจึงเป็นการวางรากฐานใหม่ เพื่อให้กลุ่ม MK สามารถเติบโตมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่สามารถต่อยอดศักยภาพท่ามกลางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผลงานของ PD พิสูจน์ให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นเสาหลักที่สร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการครองความเป็นผู้นำธุรกิจคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า พื้นที่ Free Zone ของไทย และล่าสุดกับการขยายสู่ธุรกิจใหม่นิคมอุตสาหกรรม”

PD ส่งกลยุทธ์ E-E-C สยายปีกสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ

การสยายปีกครั้งนี้ ตอกย้ำว่า พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงแค่การพัฒนาพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเช่า แต่สามารถพัฒนาพื้นที่เชิงอุตสาหกรรมได้หลากหลายรูปแบบ ขยายขอบข่ายความสำเร็จของโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชั้นนำ ยกระดับสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ เปิดเผยว่า “การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง นับเป็นก้าวสำคัญของ PD ในการต่อยอดศักยภาพ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่กำลังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก เราจะดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร, อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเบา รวมถึงอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่าง ดาต้า เซ็นเตอร์, เทคโนโลยีคลาวด์”

นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ตั้งอยู่ที่ ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี จะถูกพัฒนาในลักษณะนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Estate) สนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางสังคมและความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและบริการครบวงจร ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายงาน EIA และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินในนิคมฯ ปีแรก ไว้ที่ประมาณ 680 ไร่

“ปี 2567 ภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดถึง 573,066 ล้านบาทและในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติกว่า 24,234 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของเงินลงทุนทั้งหมด สำหรับพื้นที่ของเราที่โครงการ BFTZ 4 บางปะกง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ มีผู้เช่าเต็ม 100% แม้พื้นที่บางส่วนยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา นั่นแสดงให้เห็นถึงดีมานด์ที่ชัดเจนในโลเคชันยุทธศาสตร์นี้ แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความไม่แน่นอนจากสงครามทางการค้า และนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่มองการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยไทยยังมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งในด้านระบบสาธารณูปโภค ระบบโลจิสติกส์และการเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียน อย่างไรก็ตาม การมองหาโอกาสใหม่ จาก FTA และการวางนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อได้” นางสาวรัชนี กล่าวเสริม

พร้อมกันนี้ PD ได้วางกลยุทธ์ผลักดันการเติบโต ยึด 3 เสาหลัก ‘E-E-C’ ได้แก่

ENLARGE from Core Strengths: ขยายขีดความสามารถจากรากฐานความเชี่ยวชาญและจุดแข็งขององค์กร สู่ทุกกิจกรรมของธุรกิจ

EVOLVE with Flexibility and Adaptability: พัฒนาอย่างยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวให้ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์อยู่เสมอ

COLLABORATE for Greater Impacts: เสริมความแข็งแกร่งด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกมิติ

ด้านผลประกอบการปี 2567 ของ PD มีรายได้รวมอยู่ที่ 898 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการเช่าและบริการ 485 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากการเช่าเติบโตถึง 21% จากปีก่อนหน้า จึงเร่งพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในไปป์ไลน์ ได้แก่ โครงการ BFTZ 4 บางปะกง, โครงการ BFTZ 6 ถ.บางนา-ตราด กม.19 ให้แล้วเสร็จ วางเป้าปี 2568 รักษาอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เฉลี่ยทุกโครงการให้สูงกว่า 90% และเซ็นสัญญาผู้เช่าใหม่อีกกว่า 200,000 ตร.ม.

เสริมแกร่งรายได้ ขายทรัพย์สินเข้ากอง PROSPECT REIT ต่อเนื่อง

ในฐานะ Sponsor หลักและผู้บริหารทรัพย์สินของ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าขายทรัพย์สินบางส่วนในโครงการ BFTZ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.23, โครงการ BFTZ 2 ถ.เทพารักษ์, โครงการ BFTZ 3 ถ.บางนา-ตราด กม.19 เข้ากอง PROSPECT REIT พื้นที่ให้เช่ารวม 221,678 ตร.ม.

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “PROSPECT REIT เตรียมเพิ่มทุนครั้งที่ 2 และเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินจาก PD มูลค่าไม่เกิน 3,350 ล้านบาท กำหนดการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนระหว่างวันที่ 19–23 พ.ค. 2568 ขณะเดียวกัน ทางผู้จัดการกองทรัสต์กำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการอื่น ๆ อีกหลายโครงการที่พัฒนาโดย PD ซึ่งจุดแข็งด้านคุณภาพทรัพย์สินตลอดจนความเชี่ยวชาญของ Sponsor หลัก สนับสนุนให้อัตราการต่อสัญญาและอัตราการเช่าโครงการอยู่ในระดับที่สูงมาโดยตลอด PROSPECT REIT ยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ กระจายความเสี่ยงและรัดกุมในทุกด้าน พร้อมส่งต่อผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วย คาดว่าจะขยายมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2569”

แผนการดำเนินงานทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความพร้อมของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ในการเป็น ‘เรือธง’ หลักของเครือมั่นคงเคหะการ และการเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต